วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เครื่องค้างอยู่หน้า Desktop ทำอะไรไม่ได้เลย

ที่เจอเป็นเพราะโปรแกรม Anti Virus ไป lock บาง file ที่เปิดตอน start up ครับ
แก้ไขดังนี้
1. เปิดเครื่องเข้า safe mode (กด F8 ตอนอยู่หน้า dos)
2. click Start----> Run.... พิมพ์ msconfig แล้ว enter
3. หน้า startup ให้ remove ติ๊กเครื่องหมายถูกหน้าโปรแกรม antivirus ต่าง ๆ ที่เราลงออก
4. ปิด msconfig แล้ว boot เครื่องใหม่ ก็จะใช้ได้ปกติครับ


หลังจากนั้นก็ start up โปรแกรม Anti virus ขึ้นมาใหม่

อีกสาเหตุ
ปัญหานี้เกิดมาจากไฟล์ explorer.exe หายครับ...
ซึ่งอาจจะเกิดจากการลงโปรแกรมบางโปรแกรม หรือ ไวรัสบางชนิดวิธีแก้ ง่ายนิดเดียวครับ (ไม่เกิน 5 นาที)
1. ไป copy ไฟล์ explorer.exe จากเครื่องที่ใช้งานได้ปกติโดย Handy Drive ก็ได้ครับ โดยเจ้า explorer.exe จะอยู่ใน C:/WINDOWS ครับ
2. มาที่เครื่องเรา เสียบ Handy Drive เข้าไป จากนั้นเปิดเครื่อง ใส่แผ่น Hiren's BootCD (เวอร์ชันไหนก็ได้ครับ สูง ๆ ยิ่งดี)
3. พอมาถึงหน้าจอให้เลือกจะมี 3 ข้อน่ะครับ ให้เลือกข้อสุดท้าย Boot MINI xp อะไรซักอย่างนี่แหละ เครื่องเราก็จะเข้า Windows ได้
4. ทีนี้ ก็ copy ไฟล์ explorer.exe ที่อยู่ใน Handy Drive ลงไปใน C:/WINDOWS ครับ จากนั้น Restart เครื่อง

วิธีนี้เท่าที่ผมทำมาได้ผล 99.99 % ครับ ที่เหลืออาจจะมีสิ่งแปลกปลอม ยังไงก็ขอให้หายนะครับ

nokseri

How to restore the windows default icons?

Icons มาตรฐานของ windows หายไปจากหน้าจอ ทำงัยดี



You can restore the all windows default desktop icons, if you accidentally deleted them from your computer desktop.
List of windows default icons.
My Computer
Internet Explorer
My Documents
My Network Places
Recycle Bin
Click mouse ขวาที่หน้าจอเลือก properties แล้วเลือก Desktop

nokseri


แก้ปัญหา Low memory problems

เพิ่ม RAM โดยเอา Harddisk มาใช้เป็น Virtual memory

Normally this warning message shows when you run many programs same time than the RAM installed on your computer is designed to support. Your can solve this problem by increasing the system paging file size also called as virtual memory. Using this virtual memory windows moving information to and from the paging file for fast processing. This will free up enough RAM for other programs to run properly.
To increase the system page file follow the give path:


Control Panel > System > Advanced > Click on Settings (Under Performance) > Advanced > Change






Here under Drive (Volume label), you have option to select any of your hard disk drive, but the best choice is, select any drive other than C drive for virtual memory.


Set the double Initial & Maximum Size of your Virtual Memory. Here set initial size 700 MB and maximum size up to 1000MB; you can change this size according to the free space available on your hard drive.


nokseri









Usb device not recognized

อยู่ USB drive ก็ใช้ไม่ได้เฉยเลย เอาอะไรมาเสียบก็ขึ้น "USB device not recognized..."

หลังจากทำมาก็หลายวิธีแล้วก็ยังไม่ได้ผล
ลองวิธีนี้เลยครับ ปิด-เปิด เครื่องใหม่
อย่างเพิ่งหัวเราะครับ
หลังปิดเครื่องแล้ว ต้องถอดปลั๊ก case ทิ้งไว้สักครู่แล้วเสียบใหม่ เปิดเครื่องใหม่ รับรองใช้ได้แน่นอนครับ

nokseri

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีแก้ไวรัส Autoplay ซึ่ง Double Click Hardisk ไม่ได้ - MonaVista's Webboard


วิธีแก้ไวรัส Autoplay ซึ่ง Double Click Hardisk ไม่ได้

วิธีแก้ไวรัส Hacked by Godzilla
เป็นไวรัสตัวใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ จัดเป็น spyware ที่ก่อกวน
การทำงานมากกว่าจะทำลายข้อมูล โดยจะเป็นการติดผ่าน Handy Drive และ
Floppy Disk เท่านั้นลักษณะอาการ
1.เครื่องจะไม่สามารถ Double Click เปิดไดร์ฟต่างๆได้ แต่จะคลิกเมาส์ขวา
เพื่อเปิดไดร์ฟโดยเลือกเมนู Open หรือExplore
2.มีข้อความปรากฏบน Title Bar ของ Internet Explorer ว่า
“Hacked By Godzilla”วิธีการแก้ไขเมื่อติดไวรัส Godzilla (สำหรับเครื่องที่ต่อ
Lan ให้ disable Lan card ด้วย ไม่งั้นทำยังไงมันก็ไม่หายสักที)
1.Double Click ไอคอน My Computer ที่ Desktop เลือกเมนู Tools -->
Folder Options
2.ปรากฏไดอะล็อก Folder Options คลิกแท็บ View1) คลิกเลือก
Show Hidden files and folders2) เอาเครื่องหมาย / ในช่องสี่เหลี่ยมหน้า
Hide extention… และ Hide protected operating system file ออก
3)คลิก OK
3.กดปุ่ม Ctrl+Alt+Delete ที่คีย์บอร์ด
4.ปรากฏไดอะล็อกบ็อก
Windows Task Manager คลิกเลือกแท็บ Processes1) คลิกเลือกเมนู
Image Name (เพื่อ sort File)2) คลิกเลือกไฟล์ wscript.exe ( ทีละตัว )3)
คลิกปุ่ม End Process
5.เปิดไดร์ฟ ( โดยคลิกเม้าส์ขวาเลือก Explore ห้าม Double Click ไดร์ฟ )
ทำการลบไฟล์ autorun.inf และMS32DLL.dll.vbs ออก (โดยกด Shift+Delete )
ทุกไดร์ฟที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งรวมทั้ง Handy Drive และFloppy disk ด้วย
6. เปิดโฟลเดอร์ C:\WINDOWS เพื่อลบไฟล์ MS32DLL.dll.vbs ออก
(โดยกด Shift+Delete )
7.ไปที่ปุ่ม Start-->Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง regedit กดปุ่ม
OKปรากฏไดอะล็อกบ็อก Registry Edit
8. คลิกเลือก HKEY_LOCAL_MACHINE --> Software -->
Windows --> Current Version --> Run เพื่อลบไฟล์MS32DLL
(โดยการกดปุ่ม Delete ที่คีย์บอร์ด )
9. คลิกเลือก HKEY_CURRENT_USER --> Software -->
Microsoft --> Internet Explorer --> Main เพื่อลบไฟล์ที่ Window Title
“Hacked by Godzilla” ออก (โดยการกดปุ่ม Delete ที่คีย์บอร์ด )
10.คลิกปุ่ม Start --> Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง gpedit.msc
กดปุ่ม OKปรากฏไดอะล็อกบ็อก Group Policy
11.คลิกเลือก User Configuration --> Administrative Templates -->
System -->Double Click ไฟล์ Turn OffAutoplay ปรากกฎไดอะล็อกบ็อก
Turn Off Autoplay Properties1) คลิกเลือก Enabled2) คลิกเลือก All drives3)
คลิก OKเพื่อป้องกันการเปิดไดร์ฟอัตโนมัติในกรณีที่นำแผ่นซี ดี หรือ
Handy Drive มาใช้งานซึ่งเป็นช่องทางที่จะทำให้เกิดการติดไวรัสได้ง่ายขึ้น
12.คลิกปุ่ม Start --> Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง
msconfig กดปุ่ม OKปรากฏไดอะล็อกบ็อก System Configuration Utility
คลิกแท็บ Startup1) เอาเครื่องหมาย / ในช่องสี่เหลี่ยมหน้าไฟล์
MS32DLL ออก2) คลิกปุ่ม Apply3) คลิกปุ่ม OK (หรือ Close)จะปรากฏ
ไดอะล็อกบ็อก System Configuration เลือก Exit Without Restart
13.Double Click ไอคอน Mycomputer ที่ Desktop เลือกเมนู Tools -->
Folder Options
14.ปรากฏไดอะล็อก Folder Options คลิกแท็บ View1) คลิก /
ในช่องสี่เหลี่ยมหน้า Hide extention… และ Hide protected operating system file2)
คลิก OK
15. Click เม้าส์ขวาที่ไอคอน Recycle bin เพื่อเรียก Shortcut Menu
เลือกคำสั่ง Empty Recycle bin เพื่อยืนยันการลบไฟล์ไวรัสออกจาก
เครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง:cool:

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เครื่องจะไม่สามารถ Double Click เปิดไดร์ฟต่างๆได้ แต่จะคลิกเมาส์ขวาเพื่อเปิดไดร์ฟโดยเลือกเมนู Open หรือExplore

เครื่องจะไม่สามารถ Double Click เปิดไดร์ฟต่างๆได้ แต่จะคลิกเมาส์ขวาเพื่อเปิดไดร์ฟโดยเลือกเมนู Open หรือExplore
แก้ไขไวรัส Hacked By Godzilla
Hacked By Godzilla เป็นไวรัส ตัวใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ จัดเป็น spyware
ที่ก่อกวนการทำงานมากกว่าจะทำลายข้อมูล โดยจะเป็นการติดผ่าน
Handy Drive และ Floppy Disk เท่านั้น
ลักษณะอาการ
1. เครื่องจะไม่สามารถ Double Click เปิดไดร์ฟต่างๆได้ แต่จะคลิกเมาส์ขวาเพื่อเปิด
ไดร์ฟโดยเลือกเมนู Open หรือExplore
2. มีข้อความปรากฏบน Title Bar ของ Internet Explorer ว่า “Hacked By Godzilla”
วิธีการแก้ไขเมื่อติดไวรัส Godzilla
1. Double Click ไอคอน My Computer ที่ Desktop เลือกเมนู
Tools --> Folder Options
2. ปรากฏไดอะล็อก Folder Options คลิกแท็บ View
1) คลิกเลือก Show Hidden files and folders
2) เอาเครื่องหมาย / ในช่องสี่เหลี่ยมหน้า Hide extention… และ
Hide protected operating system file ออก
3) คลิก OK
3. กดปุ่ม Ctrl+Alt+Delete ที่คีย์บอร์ด
4. ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Windows Task Manager คลิกเลือกแท็บ Processes
1) คลิกเลือกเมนู Image Name (เพื่อ sort File)
2) คลิกเลือกไฟล์ wscript.exe ( ทีละตัว )
3) คลิกปุ่ม End Process
5. เปิด ไดร์ฟ ( โดยคลิกเม้าส์ขวาเลือก Explore ห้าม Double Click ไดร์ฟ )
ทำการลบไฟล์ autorun.inf และ MS32DLL.dll.vbs ออก
(โดยกด Shift+Delete ) ทุกไดร์ฟที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งรวมทั้ง
Handy Drive และ Floppy disk ด้วย
6. เปิดโฟลเดอร์ C:WINDOWS เพื่อลบไฟล์ MS32DLL.dll.vbs ออก
(โดยกด Shift+Delete )
7. ไปที่ปุ่ม Start-->Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง regedit
กดปุ่ม OK ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Registry Edit
8. คลิกเลือก HKEY_LOCAL_MACHINE --> Software --> Current
Version --> Run เพื่อลบไฟล์ MS32DLL (โดยการกดปุ่ม Delete ที่คีย์บอร์ด )
9. คลิกเลือก HKEY_CURRENT_USER --> Software -->
Microsoft --> Internet Explorer --> Main เพื่อลบไฟล์ที่ Window Title
“Hacked by Godzilla” ออก (โดยการกดปุ่ม Delete ที่คีย์บอร์ด )
10. คลิกปุ่ม Start --> Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง
gpedit.msc กดปุ่ม OK ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Group Policy
11. คลิกเลือก User Configuration --> Administrative Templates --> System -->
Double Click ไฟล์ Turn Off Autoplay ปรากกฎไดอะล็อกบ็อก
Turn Off Autoplay Properties
1) คลิกเลือก Enabled
2) คลิกเลือก All drives
3) คลิก OK
เพื่อ ป้องกันการเปิดไดร์ฟอัตโนมัติในกรณีที่นำแผ่นซีดี หรือ Handy Drive
มาใช้งานซึ่งเป็นช่องทางที่จะทำให้เกิดการติดไวรัสได้ง่ายขึ้น
1. คลิกปุ่ม Start --> Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง msconfig
กดปุ่ม OK ปรากฏไดอะล็อกบ็อก System Configuration Utility คลิกแท็บ Startup
1) เอาเครื่องหมาย / ในช่องสี่เหลี่ยมหน้าไฟล์ MS32DLL ออก
2) คลิกปุ่ม Apply
3) คลิกปุ่ม OK (หรือ Close)
จะปรากฏไดอะล็อกบ็อก System Configuration เลือก Exit Without Restart
2. Double Click ไอคอน Mycomputer ที่ Desktop เลือกเมนู Tools --> Folder Options
3. ปรากฏไดอะล็อก Folder Options คลิกแท็บ View
1) คลิก / ในช่องสี่เหลี่ยมหน้า Hide extention… และ
Hide protected operating system file
2) คลิก OK
4. Click เม้าส์ขวาที่ไอคอน Recycle bin เพื่อเรียก Shortcut Menu เลือกคำสั่ง
Empty Recycle bin เพื่อยืนยันการลบไฟล์ไวรัสออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
===========================
nokseri

การสร้างจดหมายเวียน (Mail Merge)

การสร้างจดหมายเวียน (Mail Merge)
บทนำ

บางท่านอาจจะต้องมีหน้าที่ต้องเตรียมหนังสือเชิญประชุมถึงคนจำนวนมาก

อยู่บ่อย ๆ ท่านอาจจะบอกว่าไม่มีปัญหา ก็ใช้พิมพ์หนังสือเชิญประชุม

ใน Microsoft Word ต้นฉบับ และคัดลอกตัวหนังสือเชิญเท่ากับจำนวน

ผู้ที่เราจะเชิญประชุม และพิมพ์ชื่อผู้ที่ต้องการเชิญประชุม ในแต่ละฉบับ

ก็เรียบร้อยแล้ว หากมีการแก้ไข เช่น เปลี่ยนวันนัดหมายการประชุม

เมื่อท่านเตรียมหนังสือเชิญประชุมถึงทุกคนเสร็จแล้ว ท่านจะต้อง

ทำการแก้ไขทุกฉบับ ซึ่งบางครั้งอาจจะแก้ไขไม่ครบทุกฉบับ

เมื่อส่งหนังสือเชิญประชุมไปแล้ว ผลกระทบที่ตามมาคือ

ผู้เข้าร่วมประชุมมาประชุมคนละวันกัน

ที่แย่ไปกว่านั้นคือการใช้ลายมือเขียนชื่อผู้ที่ต้องการเชิญประชุมซึ่งดูไม่สวยงาม
และไม่เป็นมืออาชีพ

การทำจดหมายเวียนด้วย Microsoft Word

โปรแกรม Microsoft Word มีเครื่องมือที่จะช่วยให้ท่านเตรียมเอกสาร

ที่มีลักษณะเหมือนกัน ทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานและ

ทรัพยากรอันมีค่าของท่านอย่างคุ้มค่าที่สุด เครื่องมือดังกล่าวคือ

Mail Merge หรือการสร้างจดหมายเวียน ในการทำจดหมายเวียน

ต้องการเอกสาร 2 ส่วนคือ

1. เอกสารหลัก (main document) เป็นแฟ้มที่เก็บเนื้อความหลัก เช่น

จดหมายเชิญประชุม สัญญาโครงการวิจัย เป็นต้น

2. แหล่งข้อมูล (data source) เป็นแฟ้มข้อมูลที่เก็บข้อมูลที่แปรเปลี่ยน

ไปของเอกสารแต่ละฉบับ เช่น ผู้ที่ต้องการส่งจดหมายเชิญสำหรับจดหมาย

เชิญประชุมหรือ ชื่อผู้วิจัย, ที่อยู่ผู้วิจัย, ชื่อโครงการวิจัย, เงินอุดหนุนวิจัย

เป็นต้น สำหรับสัญญาโครงการวิจัย แหล่งข้อมูลจะอยู่ในรูปของตารางข้อมูล

ซึ่งอาจสร้างมาจาก MS word, Excel, หรือ ฐานข้อมูล อื่นๆ

การผนวกเอกสารหลักกับแหล่งข้อมูล

เมื่อเตรียมเอกสารหลักและแหล่งข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดไฟล์ของเอกสารหลัก
ไว้แล้วเลือกเมนูTools -> Mail Merge ซึ่งมี 4 ขั้นตอน

1. Main document เลือก Create -> Form Lettersแล้วเลือก Active window

2. Data Source เลือก GetData -> Open Data Sourceแล้วเลือก
ไฟล์ที่เก็บแหล่งข้อมูล
3. Merge the Data with Document เลือก Merge หาก Mail Merge

ไม่พบ Merge field ก็จะให้เราเลือก Edit Document แล้วเลือก Insert field

ตามตำแหน่งที่ต้องการในเอกสารหลัก เมื่อเลือกฟิลด์ที่ต้องการแล้วจะปรากฏ

เครื่องหมาย << >> กั้นแต่ละฟิลด์ผนวก

4.กลับไปเลือก Tools -> Mail Merge อีกครั้งหนึ่ง แล้วเลือก 3 Merge

ก็จะได้เอกสาร Form Letter จำนวนตามที่ต้องการ โดยสามารถ

ผนวกเอกสารหลักกับแหล่งข้อมูลทั้งหมด หรือ เลือกเฉพาะข้อมูลได้

จาก Records to be merged



ประโยชน์ของการใช้ Mail Merge

เมื่อเราใช้ Mail Merge ในการทำจดหมายเวียน ในการเก็บสำเนาของ

จดหมายเราก็เพียงแต่เก็บเอกสารหลัก และตารางแหล่งข้อมูลไว้อ้างอิงก็

เพียงพอไม่ต้องสำเนาจดหมายทุกฉบับเก็บไว้ นอกจากนั้นแล้วไฟล์แหล่งข้อมูล

เราอาจะใช้เก็บข้อมูลฟิลด์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ในการ merge แต่ใช้ในงานอื่น เช่น

เก็บหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่เราเชิญประชุม เพื่อการติดต่อ แ

ละยังสามารถดัดแปลงไฟล์แหล่งข้อมูลมาเป็นใบเซ็นชื่อของผู้เข้าร่วมประชุมได้

สำนักคอมพิวเตอร์จะได้เตรียมแหล่งข้อมูลที่ใช้บ่อย ๆ ของมหาวิทยาลัย เช่น

ตำแหน่งต่าง ๆ ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้สำหรับผู้ใช้ โปรดติดตามต่อไป

สรุป

การสร้างจดหมายเวียนยังสามารถนำมาใช้ประยุกต์กับงานด้านต่างๆ

ในสำนักงานได้อีกมากมาย เช่น การพิมพ์สัญญาโครงการวิจัยของฝ่ายวิจัย เป็นต้น


ThaiCERT W32_Nachi_Worm

ข้อมูลทั่วไป

W32.Nachi.Worm หนอนชนิดนี้จัดเป็นโปรแกรมประเภท Exploit
ที่จะโจมตีช่องโหว่ของ DCOM RPC (Windows Distributed
Component Object Model Remote Procedure Call) หรือ
MS03-026 ซึ่งจะคล้ายกับหนอนชื่อ W32.Blaster.Worm ที่มีการโจมตี
ผ่านช่องโหว่ของ DCOM RPC ผ่านพอร์ต TCP/135 และหนอนชนิดนี้ยังเน้น
โจมตีไปยังระบบปฏิบัติการวินโดวส์ XP มากที่สุด

นอกจากช่องโหว่นี้แล้วยังมีช่องโหว่ของ WebDav ที่หนอนชนิดนี้ใช้โจมตี
(รายละเอียดของช่องโหว่นี้คือ MS03-007) ผ่านพอร์ต TCP/80 และเน้น
เป้าหมายโจมตีไปยังเครื่องที่ติดตั้งโปรแกรม IIS 5.0

หนอนจะพยายามดาวน์โหลด patch โปรแกรม RPC จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟต์
และติดตั้ง จากนั้นทำการรีสตาร์ทเครื่อง

จุดเด่นของหนอนชนิดนี้คือ จะทำการหาเครื่องที่จะแพร่กระจายต่อไป
โดยการส่งแพ็กเก็ต ICMP หรือ PING ซึ่งส่งผลให้ความคับคั่งของข้อมูล
ICMP เพิ่มขึ้นมาก

และหนอนชนิดนี้พยายามที่จะกำจัดหนอน W32.Blaster.Worm ด้วย

วิธีการแพร่กระจาย

หนอนชนิดนี้สามารถแพร่กระจายโดยอาศัยการโจมตีช่องโหว่ของ
ไมโครซอฟต์วินโดวส์ และค้นหาเครื่องตามหมายเลข IP ที่เปิดพอร์ต
135/TCP เมื่อค้นพบหนอนจะส่ง ICMP ping เพื่อตรวจสอบเครื่องที่จะโจมตี
ว่ายังอยู่ในเครือข่ายหรือไม่ เมื่อเครื่องดังกล่าว Reply กลับ
หนอนจะส่งโปรแกรมที่เป็น Exploit จากนั้นหนอนจะสร้าง remote shell
เปิดพอร์ต TCP/707 รอคำสั่งที่จะให้ดาวน์โหลดตัวหนอนผ่านโปรแกรม TFTP

รายละเอียดทางเทคนิค

เมื่อหนอน W32.Nachi.Worm ถูกเอ็กซิคิวต์ หนอนจะมีกระบวนการดังนี้

1. คัดลอกตัวหนอนเองไปยัง %System%\Wins\Dllhost.exe
หมายเหตุ %System% เป็นตัวแปร แทนโฟลเดอร์ System โดยทั่วไปแล้ว
จะอยู่ที่ C:\Windows\System สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95/98/Me
ส่วน C:\Winnt\System32 สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ NT/2000 และ
C:\Windows\System32 สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ XP
2. คัดลอกไฟล์ %System%\Dllcache\Tftpd.exe ไปเป็นไฟล์
%System%\Wins\svchost.exe ซึ่ง Svchost.exe เป็นโปรแกรมที่มาพร้อม
กับระบบปฏิบัติการ อาจทำให้โปรแกรมป้องกันไวรัสไม่สามารถตรวจจับได้
3. สร้าง Service ต่อไปนี้

Service Name: RpcTftpd
Service Display Name: Network Connections Sharing
Service Binary: %System%\wins\svchost.exe

Service Name: RpcPatch
Service Display Name: WINS Client
Service Binary: %System%\wins\dllhost.exe

Service เหล่านี้ถูกตั้งค่าไว้ให้เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ

4. กำจัดหนอน W32.Blaster.Worm โดยการหยุดการทำงานของ
โพรเซสที่ชื่อ Msblast.exe และลบไฟล์ %System%\msblast.exe
ที่ถูกปล่อยโดยหนอน W32.Blaster.Worm

5. หนอนจะค้นหาเป้าหมายจากหมายเลข IP ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน 2 วิธี คือ

- หนอนจะนับเพิ่มจาก A.B.0.0 ถ้าเครื่องที่หนอนชนิดนี้คุกคามมีหมายเลข
IP เป็น A.B.C.D
- หนอนจะสร้างหมายเลข IP โดยการสุ่มจาก hard-coded addresses
หลังจากเลือกหมายเลข IP เริ่มต้นได้แล้ว หนอนจะทำการนับเพิ่มไปเรื่อยๆ
และค่าจะอยู่ในช่วงของเน็ตเวิร์กคลาสซี ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเริ่มต้นที่ A.B.0.0 หมายเลข IP จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง A.B.255.255

6. จากนั้นหนอนจะทำการตรวจสอบเครื่องที่หนอนคำนวนหมายเลข IP
โดยการส่งแพ็กเก็ต ICMP หรือเรียกว่า PING นั่นเอง และเมื่อหนอนพบว่า
มีเครื่องยังอยู่ในเครือข่ายก็จะทำการส่งข้อมูลที่เป็นโปรแกรมประเภท Exploit
ไปโจมตีช่องโหว่ของ DCOM RPC ผ่านพอร์ต TCP/135 หรือช่องโหว่
โปรแกรม WebDav ผ่านพอร์ต TCP/80 อย่างใดอย่างหนึ่ง

7. สร้างการเชื่อมต่อระยะไกลกลับไปยังเครื่องที่เป็นผู้โจมตี
ผ่านพอร์ตที่สุ่มขึ้นมาระหว่าง TCP/666 ถึง TCP/765 เพื่อรอรับคำสั่ง

8. เรียกใช้งานโปรแกรม TFTP เซิร์ฟเวอร์บนเครื่องที่เป็นผู้โจมตี
และสั่งให้เครื่องที่ถูกหนอนโจมตีนั้นติดต่อและดาวน์โหลด Dllhost.exe
และ Svchost.exe จากเครื่องที่เป็นผู้โจมตี ถ้าไฟล์ %System%\
dllcache\tftpd.exe มีอยู่ในเครื่องแล้ว หนอนจะไม่ทำการดาวน์โหลด Svchost.exe

9. ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของเครื่องที่ถูกโจมตี เช่นระบบปฏิบัติการที่ใช้
หมายเลขของ Service Pack และ System Local จากนั้นจะพยายามติดต่อไป
ยังเว็บไซต์สำหรับอัพเดต patch ของไมโครซอฟต์เพื่อดาวน์โหลด patch
ของช่องโหว่ DCOM RPC เว็บไซต์ที่หนอนใช้ดาวน์โหลดนั้นมีดังนี้

- http://download.microsoft.com/download/6/9/5/6957d785-fb7a-4ac9-b1e6-cb99b62f9f2a/Windows2000-KB823980-x86-KOR.exe

- http://download.microsoft.com/download/5/8/f/58fa7161-8db3-4af4-b576-0a56b0a9d8e6/Windows2000-KB823980-x86-CHT.exe

- http://download.microsoft.com/download/2/8/1/281c0df6-772b-42b0-9125-6858b759e977/Windows2000-KB823980-x86-CHS.exe

- http://download.microsoft.com/download/0/1/f/01fdd40f-efc5-433d-8ad2-b4b9d42049d5/Windows2000-KB823980-x86-ENU.exe

- http://download.microsoft.com/download/e/3/1/e31b9d29-f650-4078-8a76-3e81eb4554f6/WindowsXP-KB823980-x86-KOR.exe

- http://download.microsoft.com/download/2/3/6/236eaaa3-380b-4507-9ac2-6cec324b3ce8/WindowsXP-KB823980-x86-CHT.exe

- http://download.microsoft.com/download/a/a/5/aa56d061-3a38-44af-8d48-85e42de9d2c0/WindowsXP-KB823980-x86-CHS.exe

- http://download.microsoft.com/download/9/8/b/98bcfad8-afbc-458f-aaee-b7a52a983f01/WindowsXP-KB823980-x86-ENU.exe


10. หลังจากที่หนอนติดตั้ง patch ให้กับเครื่องเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นจะทำการรีสตาร์ทเครื่อง ซึ่งเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการติดตั้ง patch

11. สุดท้ายจะตรวจสอบวันที่ของเครื่อง ถ้าปีที่แสดงเป็น 2004
หนอนจะทำการหยุดการทำงานและลบตัวเองทิ้งไป

หนอนชนิดนี้จะมีข้อความแฝงอยู่และจะไม่แสดงให้เห็น ข้อความมีอยู่ว่า

" =========== I love my wife & baby :)~~~ Welcome Chian~~~ Notice: 2004 will remove myself:)~~ sorry zhongli~~~=========== wins"

ตัวอย่างแพ็กเก็ต ICMP ที่หนอนชนิดนี้ทำการส่งออกมา

icmp: echo request (ttl 117, id 33634, len 92)
0x0000 xxxx xxxx xxxx xxxx xxxx xxxx xxxx xxxx ................
0x0010 xxxx xxxx 0800 fb60 0200 a549 aaaa aaaa .......`...I....
0x0020 aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa ................
0x0030 aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa ................
0x0040 aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa ................
0x0050 aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa aaaa ............

วิธีกำจัดหนอนชนิดนี้

- สำหรับผู้ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส

1. ถ้าใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์ XP ให้ทำการ disable System Restore ก่อน
2. ปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสใหม่ล่าสุดจากเว็บเพจของบริษัทเจ้าของโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ท่านใช้ หรือ ติดต่อบริษัทที่ท่านติดต่อซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัส
3. รีสตาร์ทเครื่องหรือหยุดการทำงานของหนอน
4. สแกนไวรัสด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ได้รับการบรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสจากข้อที่ 2 และลบไฟล์ที่ถูกโปรแกรมตรวจสอบว่าเป็นหนอน W32.Nachi.Worm
5. ลบไฟล์ Svchost.exe
6. จากนั้นเพื่อป้องกันการกลับมาติดหนอนชนิดนี้อีก ให้ทำการอัพเดต patch เพื่ออุดช่องโหว่ของ
MS03-026 และ MS03-007
7. และเพื่ออุดช่องโหว่อื่นๆ ของระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่ให้ทำการติดตั้ง patch ทั้งหมดของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ผ่านทาง Windows Update หรือจากเว็บไซต์
http://www.microsoft.com/technet/treeview/default.asp?url=/technet/security/current.asp
(โดยเลือก Product เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้อยู่ และ Service Pack รุ่นที่ได้ติดตั้งไปแล้ว)

- การกำจัดหนอนแบบอัตโนมัติ

1. ดาวน์โหลดโปรแกรม Sysclean.com จากเว็บไซต์ http://www.trendmicro.com/ftp/products/tsc/sysclean.com
2. ดาวน์โหลดไฟล์ pattern ชื่อ lptxxx.zip จาก
http://www.trendmicro.com/download/pattern.asp

หมายเหตุ xxx แทนตัวเลขเวอร์ชันล่าสุดของไฟล์ pattern

3. แตกไฟล์ lptxxx.zip นำไฟล์ชื่อ lpt$vpn.xxx เก็บไว้ใน
โฟลเดอร์เดียวกับไฟล์ Sysclean.com ที่ได้จากข้อ 1
4. ตัดการเชื่อมต่อเครือข่าย
5. หยุดการทำงานทุกโปรแกรม รวมทั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสด้วย
6. จากนั้นรันไฟล์ Sysclean.com จะปรากฏไดอะล็อกให้ทำการสแกน
โดยกดปุ่ม Scan
7. เริ่มต้นการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสอีกครั้ง
8. ทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสที่ใช้อยู่แล้วทำการสแกนอีกครั้งเพื่อ
ให้แน่ใจว่าเครื่องที่ใช้งานอยู่ไม่มีไวรัส
9. จากนั้นเพื่อป้องกันการกลับมาติดหนอนชนิดนี้อีก ให้ทำการอัพเดต
patch เพื่ออุดช่องโหว่ของ MS03-026 และ MS03-007
10. และเพื่ออุดช่องโหว่อื่นๆ ของระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่ให้ทำการติดตั้ง
patch ทั้งหมดของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ผ่านทาง Windows Update
หรือจากเว็บไซต์ http://www.microsoft.com/technet/treeview/default.asp?url=/technet/security/current.asp (โดยเลือก Product เป็นระบบปฏิบัติการ
ที่ใช้อยู่ และ Service Pack รุ่นที่ได้ติดตั้งไปแล้ว)

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Windows XP

หมายเหตุ: Windows XP ใช้ backup utility สำหรับ backup
ไฟล์โดยอัตโนมัติไว้ที่โฟลเดอร์ C:\_Restore ดังนั้นไฟล์ที่ติดเชื้อสามารถถูกเก็บไว้
เป็นไฟล์ backup ได้ และ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะไม่สามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้
จึงต้องทำการยกเลิกการใช้งาน Restore Utility ตามขั้นตอนดังนี้


1. คลิ๊กขวาที่ไอคอน My Computer บน Desktop และ เลือก Properties
2. เลือกแถบ System Restore
3. ใส่เครื่องหมายเลือก "Turn off System Restore" หรือ
"Turn off System Restore on all drives"
4. กดปุ่ม Apply
5. กดปุ่ม Yes

หมายเหตุ: ตอนนี้ Restore Utility ถูกยกเลิกแล้ว

6. หลังจากเรียกใช้งาน Fix tools เรียบร้อยแล้ว เปิดหาตำแหน่งของ
ไฟล์เหล่านั้นได้จากโฟลเดอร์ C:\_Restore และกำจัดออก
หลังจากกำจัดเรียบร้อยแล้วก็รีสตาร์ทเครื่องให้ใช้งานได้ตามปกติ

หมายเหตุ: การเปิดใช้ Restore Utility อีกครั้ง ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1-5
และในขั้นตอนที่ 5 ให้ยกเลิกเครื่องหมายที่เลือก "Turn off System Restore" ออก

วิธีป้องกันตัวเองจากหนอนชนิดนี้

1. ระงับการใช้งาน DCOM ตามรายละเอียดที่
http://support.microsoft.com/default.aspx?scid=kb;en-us;825750
2. ติดตั้งโปรแกรมปรับปรุงช่องโหว่ (patch) ของทุกซอฟต์แวร์อยู่เสมอ
โดยเฉพาะ Internet Explorer และระบบปฏิบัติการ ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่สุด

IE 6.0 Service Pack 1
Windows 2000 Service Pack 4
Windows XP Service Pack 1a
และที่สำคัญเพื่อป้องกันหนอนชนิดนี้ ต้องอัพเดต MS03-026 และ MS03-007 ด้วย

3. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส และต้องทำการปรับปรุงฐานข้อมูล
ไวรัสเป็นตัวล่าสุดอยู่เสมอ
4. ตั้งค่า security zone ของ Internet Explorer ให้เป็น high ดังคำแนะนำที่ http://thaicert.nectec.or.th/paper/virus/zone.php
5. ทำการสำรองข้อมูลในเครื่องอยู่เสมอ และเตรียมหาวิธีการแก้ไข
เมื่อเกิดเหตุขัดข้องขึ้น
6. ติดตามข่าวสารแจ้งเตือนเกี่ยวกับไวรัสต่างๆ ซึ่งสามารถขอ
ใช้บริการส่งข่าวสารผ่านทางอี-เมล์ของทีมงาน ThaiCERT ได้ที่ http://thaicert.nectec.or.th/mailinglist/register.php
7. สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีป้องกันตัวเองจาก
ไวรัสทั่วไปได้ในหัวข้อ วิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์

เปิด access 97ไม่ได้มันฟ้องว่าไม่สามารถหาแฟ้มCWINDOWSsystem32sys_mdw

เปิด access 97ไม่ได้มันฟ้องว่าไม่สามารถหาแฟ้มC:\WINDOWS\system32\sys.mdw

เข้าไปโหลด file ที่

http://docs.google.com/leaf?id=0B39v6EzjwUpFYjI3Yjg3NWYtMjgyYi00NzEyLTkxZGItZjcyY2RmODIxYmY4&hl=th&authkey=CLaz_-oN

แล้วไป run จากนั้นจะให้ boot เครื่องใหม่ เป็นอันเสร็จ

nokseri

Microsoft Access 97 อยู่ๆก็ใช้ไม่ได้เฉยๆ

Microsoft Access 97 อยู่ๆก็ใช้ไม่ได้เฉยๆ

ผมได้วิธีแก้จากท่านหนึ่งในเว็บนี้แหละครับ จำชื่อไม่ได้แล้ว
ลองทำตามดูนะครับ ได้ผลยังไงช่วยมาบอกกันด้วย

1. ทำการ Search หาไฟล์ชื่อ hatten.ttf (ถ้าไม่พบให้ใช้ชื่อว่า
haetten schweiler.ttf) มันเป็นไฟล์ font นั่นเองครับ

2. ทำการ Rename ชื่อไฟล์นี้เป็น hatten.xxx (อาจมีการแจ้งว่าไฟล์นี้
ไม่สามารถใช้ได้ ไม่เป็นไรให้ตอบตกลงไปก่อนครับ)

3. ทีนี้ก็เข้าไปที่ Control Panel >> Add/Remove Programs
แล้วก็ทำการ Reinstalls ชุด Microsoft Office 97 ขอย้ำว่า Reinstalls
จะใช้เวลาไม่นาน4. เมื่อเสร็จแล้ว ก็ทำการ Rename ไฟล์ที่เปลี่ยนไปก่อนหน้านี้
(hatten.xxx) กลับคืนไปเป็นเหมือนเดิม ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ

Share network แล้วถาม Password

Share network แล้วถาม Password?

อันดับแรก เซตที่เครื่องที่เราเข้าไปดูไฟล์ไม่ได้
-เปิด windows explorer
-เมนู Tool>>>Folder Option
-แท็บ View
-ติ๊กถูกที่ Use Simple File Sharing (Recommended)
แล้วลองมาเข้า workgroup ด้วยเครื่องอื่น กดดูไฟล์จากเครื่องนั้นนะคะ
ถ้ามันขึ้น user เป็น guest แล้ว ให้ใส่ password อีก แสดงว่า
ยังไม่ได้ตั้ง share folder ไว้ให้กลับไปตั้ง share folder ที่เครื่องนั้นขึ้นมาก่อนค่ะ
วิธีตั้ง Share folder
- คลิ๊กขวาโฟลเดอร์ที่จะแชร์ เลือก Sharing and Security
- แท็บ Sharing
- ติ๊ก Share แล้วตั้งชื่อโฟลเดอร์ที่จะแชร์ได้เลย
ถ้ามันติ๊กไม่ได้มีสองกรณีคือ
- อยู่ในโฟลเดอร์อื่นที่ set private ไว้ ต้องไปที่โฟลเดอร์นั้นแล้ว
ติ๊กออกตรง Make this folder private
- เครื่องถูกเซตไว้เองให้ prevent access from remote connection
ให้ดูแถวๆข้อความนี้จะมีลิ๊ง กดเข้าไป เลือก ติ๊กอันล่าง (ขออภัยจำไม่ได้ว่า
มันขึ้นไว้ว่ายังไง แต่ประมาณว่า ให้ยอมให้เครื่องอื่นใน network
สามารถ access เข้ามาได้อ่ะค่ะ)
แล้วลองมาเข้าเครื่องใน workgroup ดูอีกที คราวนี้ก็น่าจะเข้าได้แล้วนะคะยังไงลองดู

out of memery ( access )


Updated version of Microsoft Jet 3.5 available for download

Download file jet35sp3.exe ตาม link ข้างล่างนี้แล้วไป Run

SUMMARY
loadTOCNode(1, 'summary');
Warning To apply this service pack successfully, you need to have
Microsoft Jet version 3.51.0623 or later installed on your computer.
If your computer has an earlier version of Jet than this, you must
upgrade your computer to Microsoft Office 97 Service Release 2 (SR-2).
You can get information about Office 97 SR-2 and download the
Office 97 SR-2 update from Tools on the Web at the following address:


The following file is available for download from the Microsoft Download Center:
Jet35sp3.exe

NTLDR is missing

วิธีการแก้ไข NTLDR is missing
ใช้ winzip แตกfile ออกมา ถ้า ถูกต้องจะได้ file fixntldr.iso
ใช้ Nero Express (อยู่ใน ปุ่ม start-> program ->nero->
nero6ultra Edition สำหรับ notebook คณะ ถ้าไม่เจอ
ลองหาแถวๆ start -> program -> nero ครับ) แล้วเลือกตัวเลือกล่างสุด
แล้วเลือกfile fixntldr.isoในข้อแรกครับ
**ดูให้ดีว่า เป็น .iso นะครับ**
restart เครื่อง
*****---ให้ลอง ใส่ CD แล้วข้ามขั้นตอนนี้ไป ถ้าไม่เจอ หน้าจอ ในข้อ 3
ให้ลองหาวิธี เข้า bios ล้วปรับให้ boot จาก cdrom ก่อนดูนะครับ
(ขั้นตอนที่ 2 นี้เป็นการเข้า bios ของเครื่อง HP nx6120 นะครับ
พอดีว่ามีเครื่องนี้อยู่กับตัวพอดี สำหรับเครื่องอื่น
ไม่มีเครื่องให้ลองน่ะครับเลยเขียนให้ไม่ได้)----****
2.-------------- กด f 10 ไปเรื่อยๆ(การเข้า bios เครื่อง Hp)
แล้วจะเจอ หน้าจอสีฟ้าๆ
เลือก Advance - > Boot option
ก็จะมีหน้าจอสีฟ้า ขึ้นมา เลื่อนแถบสีดำโดยการกดลูกศรไปที่คำว่า
Multi boot กดลูกศรซ้าย หรือ ขวา ที่ keyboard เพื่อเปลี่ยน ให้เป็น Enable
จากนั้น ปรับ Optical Device Drive ให้เป็น First (กดลูกศรที่ keyboard
เหมือนกัน)
จากนัน กด F10 ออกมา ไปที่ file -> save change and exit มันจะขึ้น
กรอบ แดงๆมา ให้ กด f10 อีกที
เครื่อง จะ ทำการ restart ใหม่
3.--------- ถ้าตามมาถูกต้องจนถึงตอนนี้จะเจอกับหน้าจอที่เขียนว่า
1ST TRY THIS seleccione esto primero
2ND TRY THIS essayez ceci en deuzieme
3RD TRY THIS wahlen Sie diesen Third
4TH TRY THIS selezioni questo fourth
5TH TRY THIS selecione este fifth
6TH TRY THIS seleccione este sexto
7TH TRY THIS essayez ceci en septieme
8TH TRY THIS wahlen Sie dieses achte
9TH TRY THIS selezioni questo nono
10TH TRY THIS selecione este decimo
ให้เลือกข้อแรก ก็จะเข้า window ได้(ถ้าไม่ได้ผล อาจลองเลือกตัวเลือกอื่น)
เอาล่ะเข้ามาได้แล้ว ไปที่ cd rom drive ของเรา(ยังใส่แผ่นที่สร้างในตอนแรกอยู่)
copy file เหล่านี้ boot.ini, ntldr, and ntdetect.com ไปไว้ใน c:
แล้ว ทำการ restart เครื่อง จะเจอหน้าจอข้างบน ที่มี 10 ตัวเลือกอีกครั้ง
ให้เลือกตัวเลือกเดิมที่เคยเลือก
จะกลับเข้ามา window อีกครั้ง
5.----------- ไปที่ control panel -> system
เลือก tab Advance ดูที่ Startup and Recovery section, Settings button
แล้วหากรอบที่เขียนว่า System Startup
ปรับ Time to display list of operating systems ให้เป็น 1 (เดิมเป็น 30)
แล้ว restart เครื่องครับ เป็นอนเสร็จเรียบร้อย

วันนี้คุณสำรองข้อมูล (Backup) ของคุณไว้แล้วหรือยัง

<< วันนี้คุณสำรองข้อมูล (Backup) ของคุณไว้แล้วหรือยัง >>

ระบบปฏิบัติการ Windows XP ได้มีเครื่องมือช่วยในการทำสำรอง
ข้อมูลไว้ให้แล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับคำแนะนำเบื้องต้นในการทำ
สำรองข้อมูลก็คือเริ่มต้น ควรมีการแบ่ง Harddisk เป็น 2 ส่วน
อาจเป็น drive C: และ D: จากนั้นให้เก็บข้อมูลทั้งหมดใน
Drive D: ส่วน Drive C: ควรเก็บโปรแกรมการใช้งานเพียงอย่างเดียว
ถ้าทำอย่างนี้ได้ก็จะสะดวกและรวดเร็วมากในการแก้ไขปัญหา

ขั้นตอนการ Backup

1. คลิกปุ่ม Start
2. เลือก All Programs
3. คลิกเลือก Accessories
4. คลิกเลือก System Tools และเลือกคำสั่ง Backup จะมีหน้าต่าง backup
แสดงให้ดังภาพประกอบ


5. คลิกปุ่ม Next
6. คลิกเลือก Back up files and settings



7. คลิกปุ่ม Next จะมีหน้าต่างให้เลือกว่าจะ backup อะไร
8. อาจคลิกเลือกเฉพาะข้อมูล ในส่วนของ My documents and settings



9. คลิกปุ่ม Next โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างให้เลือกว่าจะบันทึกลงอะไร เช่น Harddisk, Floppy Drive เป็นต้น แต่ถ้าคุณมี Flash Drive หรือ
USB Harddisk ขนาดใหญ่จะดีกว่า เพราะว่าคงไม่สามารถสำรองข้อมูลลง
แผ่นดิสก์ได้อย่างแน่นอน


10. หลังจากเลือกได้แล้วว่าจะสำรองลงสื่อใด ให้คลิก Next ต่อ
11. คลิกปุ่ม Finished หลังจากการรอทำการ Backup สำเร็จแล้วก็จะขึ้นว่า
The backup is complete ดังรูป




ขั้นการการ Restore

1. คลิกปุ่ม Start
2. เลือก All Programs
3. คลิกเลือก Accessories
4. คลิกเลือก System Tools และเลือกคำสั่ง Backup
จะมีหน้าต่าง Restore แสดงให้ดังภาพประกอบ

5. คลิกปุ่ม Next
6. คลิกเลือก Restore files and settings



7. คลิกปุ่ม Next จะมีหน้าต่างให้เลือกว่าไฟล์ที่เราได้ทำ Backup
ไว้อยู่ที่ไหน แต่ถ้าเคยทำ Backup มาก่อนหน้านี้ระบบมันจะดึงมาให้หรือ
ถ้าไม่มีให้เลือกก็ให้กดปุ่ม Browse... แล้วก็หาไฟล์ที่มีนามสกุล .bkf
8. ทำเครื่องหมายเช็คถูกหน้า Folder ที่เราได้ทำการ Backup ดังรูป
9. คลิกปุ่ม Next10. คลิกปุ่ม Finished หลังจากการรอทำการ Restore
สำเร็จแล้วก็จะขึ้นว่า The Restore is complete














































วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ตัวอย่างการสร้าง Gif Anmation ด้วย Photoshop และ Image Ready

<< ตัวอย่างการสร้าง Gif Anmation ด้วย Photoshop และ Image Ready >>

หน้านี้คือตัวอย่างการสร้าง Gif Anmation ด้วย Photoshop และ

Image Ready นะครับ เพื่อเป็นพื้นฐานในการสร้างงานอื่นๆต่อไป

โดยปกติการสร้างทั่วๆไปแล้ว จะใช้ขั้นตอนคล้ายๆกัน แต่อาจแตกต่าง

ไปตามเทคนิค และเครื่องมืออื่นๆที่ใช้

ก่อนอื่นเราต้องหารูปภาพที่เราอยากทำก่อน หรือจะสร้างรูปที่ต้องการ

เอาเองก็ได้ เช่น ตอนนี้ผมต้องการสร้างรูปหุ่นยนต์ เอามาทำเป็น

ภาพเคลื่อนไหวจากรูปข้างล่างนี้






ใช้โปรแกรม PhotoShop เปิดรูปที่ต้องการ แล้วใช้เครื่องมือ

Ractangular Marquee Tool




กำหนดเลือกเอาส่วนที่ต้องการให้ครบ กด เพื่อสั่งก้อปปี้ภาพ


หลังจากก้อปปี้แล้ว ก็กด เพื่อสร้างงานใหม่ เลือกพื้นหลังให้เป็น

แบบใส(Transparent) เมื่อหน้างานใหม่ขึ้นมาแล้วก็กด (Paste)

เพื่อนำงานในคลิปบอร์ดเราลงไปวาง จากนั้น เราก็จะค่อยๆลบส่วนที่เราไม่ต้อง

การทิ้งไปเครื่องมือมีให้ใช้หลายตัวตามถนัด แต่มือใหม่แนะว่าให้ใช้

ยางลบ (Eraser Tool) มีให้เลือก 3 แบบตามความสะดวก แต่ในงานนี้ผมเลือก

Magic Eraser Toolเพราะภาพพื้นหลังเป็นสีเดียวกัน

เลือกลบสีที่ไม่ต้องการออก ถ้าหากทำงานแล้วผิดพลาด ย้อนกลับขั้นตอนด้วย


บางครั้งในส่วนที่มีขนาดเล็ก สามารถขยายงานเราให้ใหญ่ขึ้นด้วยการ


กด ค้าง แล้วคลิกซ้ายบริเวณที่ต้องการขยาย ถ้าต้องการลดขนาด


ใช้กด แล้วคลิกซ้าย เพื่อสะดวกในการทำงาน



หากภาพที่ได้ไม่สมบูรณ์ (เช่นในตัวอย่างนี้คือ ที่เท้า) ต้องซ่อมแซมภาพ

ด้วยเครื่องมือต่างๆ อย่าง Clone Stamp Tool


แต่ในงานนี้ผมใช้วาดเพิ่มด้วย Brush Tool โดยเลือกสีด้วยเครื่องมือ

Eyedropper Tool แล้ววาดเอา สามารถปรับขนาดแปรงด้วยการคลิกขวาที่งาน

ปรับขนาดได้ตามต้องการ ซ่อมแซมรูปจนพอใจ


ก่อนจบขั้นตอนนี้ ควรลบส่วนอื่นๆที่ไม่ต้องการที่เหลือให้เรียบร้อย

เพราะไฟล์นี้เราจะนำไปใช้งานแล้ว (อย่างรูปภาพที่เราลบไม่หมด

อาจมีเป็นเศษภาพเหลืออยู่ ทดสอบด้วยการสร้างเลเยอร์ใหม่ขึ้นมาโดยคลิกที่

ไอคอนสี่เหลี่ยมพับมุม ที่ด้านล่างของหน้าต่างเลเยอร์ แล้วลากลงมาให้อยู่ล่าง

สุดของเลเยอร์ทั้งหมด แล้วเติมสีที่สามารถสังเกตสีที่แตกต่างได้ง่ายๆ

เช่น สีน้ำเงิน ด้วยเครื่องมือ Paint Bucket Tool คลิกเลือกไฟล์รูปภาพเรา

แล้วลบส่วนภาพที่ไม่ต้องการออกให้หมด เสร็จแล้วก็คลิกที่รูปดวงตา

เพื่อปิดการแสดงของเลเยอร์พื้นหลัง)

เมื่อได้ภาพที่ต้องการแล้ว ก้อปปี้ไฟล์ภาพขึ้นมาใหม่หลายๆอันตามต้องการ

โดยคลิกซ้ายแล้วลากลงไปที่ไอคอนสี่เหลี่ยมพับมุม หรือ คลิกขวาที่เลเยอร์

แล้วสั่ง Duplicate Layer ก็ได้ (เผื่อๆเอาไว้สัก 2 - 3 รูป กันพลาดด้วย

ไม่คิดตังค์เพิ่มครับ เดี๋ยวทำเสียไปไม่ต้องทำใหม่) คลิกปิดเลเยอร์อื่นๆเหลือ

ไว้เพียง 1 อัน


จากนั้นเลือกลบให้เหลือแต่ส่วนที่ต้องการให้เคลื่อนไหวที่ต้องการ

อย่างงานนี้เอาตัวหุ่นยนต์ไว้ ลบขาทิ้ง แล้วก็ก้อปปี้รูปนี้หลายๆเลเยอร์อีกครั้ง

"เอาขากูคืนมา" ตอนนี้เราจะเอารูปส่วนขาออกมาครับ กด Ctrl ค้างไว้

แล้วคลิกเลือกเลเยอร์ที่ไม่มีขาสักอันหนึ่ง จากนั้นเลือกทำงานกับ

เลเยอร์ทั้งตัวขึ้นมาสักรูป แล้วกด Delete ตอนนี้เราจะได้ขามาแล้วครับ

ลองกดปิดเลเยอร์อื่นทั้งหมดดูว่าได้อย่างผมหรือเปล่า ถ้าได้

เราก็ได้ขามา ถ้าไม่ได้ แสดงว่าเลือกเลเยอร์ผิดชัวร์ๆ ลองอ่านแล้ว

ทำอีกรอบสังเกตว่ามีเส้นไข่ปลาอยู่ในรูปหรือไม่ ถ้ามีต้องกดที่เครื่องมือ

Ractangular Marquee Tool แล้วคลิกซ้ายที่งาน หรือกด

เพื่อยกเลิก Selection ให้เส้นไข่ปลาหายไปก่อนนะครับ

(ถ้าเส้นไข่ปลาปรากฏอยู่ จะเป็นการเลือกทำงานเฉพาะพื้นที่ ต้องเอา

ออกก่อน)ตอนนี้จะทำให้มันเคลื่อนไหวกันแล้วนะครับ

คลิกที่เลเยอร์ไม่มีขาขึ้นมาอันหนึ่ง(ถ้ามีน้อยอัน ก้อปปี้เพิ่มตอนนี้

ก็ได้ครับ อย่างน้อยควรมีสัก 3 อัน) แล้วไปที่ เมนู เลือก

Edit > Transform > Rotate เอาเม้าส์ไปวางบริเวณงานจนเม้าส์

กลายเป็นลูกศรโค้ง 2 หัว จากนั้นก็ลากให้รูปหมุนตามต้องการ

(ด้านบน มีองศาให้ดูด้วยนะครับ) พอใจแล้วกด

ที่เครื่องมือ Move Tool แล้วก็ Apply


ปิดรูปเก่า แล้วเปิดรูปใหม่ ทำเหมือนเดิม แต่ให้หมุนไปอีกทาง แล้ว Apply ซะ



ตอนนี้ท่าทางหุ่นยนต์เราก็มี 3 ท่าแล้ว เอาไปทำเป็น อนิเมชั่น ได้แล้วครับ

โดยการส่งไฟล์ทั้งหมดของเราไป Image Ready คลิกที่สวิทช์ Edit in Image Ready

ไปที่ส่วนของเลเยอร์ เปิดเลเยอร์เท้าขึ้นมา และเลือกเลเยอร์ตัวขึ้นมา 1 รูป


แล้วที่กล่อง Animation ที่ด้านล่างกดที่ไอคอนสี่เหลี่ยมพับมุม เพื่อสร้างเฟรมใหม่ขึ้นมา



แล้วเปลี่ยนเปิดปิด เลเยอร์ส่วนตัว ทีละรูป ตามที่เราต้องการ เสร็จแล้วก็ทดสอบ

ด้วยการกดที่ปุ่ม Play เพื่อดูงานเราได้แล้วครับ จะเห็นว่ารูปเรามันเคลื่อนไหวได้แล้ว


แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า ตอนตัวแกว่ง จะมีบางส่วนที่หลุดพ้นส่วนขาออกมา

มีทางเลือกอยู่ 2 ทางครับ คือ

1. เพิ่มส่วนขา ให้สูงขึ้นอีก โดยใช้วิธีวาดเพิ่ม

2. ดึงส่วนขาให้สูงขึ้น งานนี้ผมเลือกวิธีนี้ครับ ง่ายดี อิอิอิ คลิกที่เฟรมแรก

กดเลือกเลเยอร์ส่วนเท้า เลือกครื่องมือ Move Tool ที่กล่องเครื่องมือ

แล้วกดลูกศรขึ้นสัก 2 - 3 ครั้ง (สังเกตดู ขาทุกเฟรมเลื่อนหมด) ทดสอบดูอีกครั้ง


ไปปรับแต่งที่ส่วน Optimize โดยปกติโปรแกรมเซ็ตค่ามาเรียบร้อยแล้ว

ที่ Format เลือกให้แสดงเป็น GIF สามารถเลือกสีแบ็กกราวนด์ได้ตามรูป

เผื่อจะเปิดบนหน้าเว็บสีอื่นๆ


ลองว่าถ้าแสดงภาพบนเว็บ จะเป็นอย่างไรโดยกดที่ Previw in IE

นี่จะเป็นรูปที่ปรากฏ ถ้าเราเอารูปไปแสดงบนเว็บ ถ้าตรงความต้องการแล้ว

เซฟรูปตรงนี้ได้เลย แล้วควรกลับไปเซฟที่ Image Ready เป็น *.psd ด้วย

เพื่อเก็บไฟล์นี้ไว้เผื่อต้องการแก้ไขภายหลัง



บางครั้งรูปที่ทำมีส่วนที่ไม่แสดงภาพ และเราต้องการตัดออก

เลือกตัดเฉพาะส่วนที่ต้องการได้ที่นี่เลยครับ



และถ้าต้องการปรับขนาดรูป เลือกปรับขนาดรูปของเราได้ที่นี่ครับ

เสร็จแล้วครับ เย้ๆๆๆๆๆ อาจแปลงรูปเป็นแบบอื่นๆก็ได้ ด้วยการเพิ่มท่าทางอื่นๆ

เอารูปอื่นๆมาผสม สร้างเลเยอร์อื่นๆเพิ่มเติม ฯลฯ ตามใจ ตามไอเดียของคุณ

ด้วยวิธีข้างบนหรือตามที่คุณจะลองเอาเอง








































































































































































































































JustUsers_net แชร์ข้อมูลอย่างไรให้ถามพาสเวิร์ด บน Windows XP

<< แชร์ข้อมูลอย่างไรให้ถามพาสเวิร์ด บน Windows XP >>

หลายๆท่านคงจะเคยประสบปัญหาเวลาแชร์ข้อมูลบน Windows XP คือ
เวลาแชร์แล้ว ใครๆก็เข้ามาดูได้ ดึงข้อมูลไปได้ ลองมาดูแนวทางแก้ปัญหา
กันครับ

อันดับแรกไปที่ Control Panel เลือก Administrative Tools


ลำดับต่อไปเลือก Computer Management

ต่อไปเลือก System Tools เลือก Local Users and Groups เลือก Users
ที่หน้าต่างด้านขวามือ เลือก Guest คลิกขวา เลือก All Tracks เลือก Set Password


เลือก Proceed


ใส่พาสเวิร์ดเข้าไปให้เหมือนกันทั้ง 2 ช่อง แล้วคลิก OK

คลิก OK พาสเวิร์ดก็จะถูกกำหนดขึ้นมาเป็นอันเรียบร้อยแล้วต่อไปก็จัดการแชร์

ข้อมูลแล้วให้เครื่องอื่นในเครือข่ายเรียกเข้าดูนะครับ ได้ผลประการใดก็นำมา

รายงานผลด้วยเพื่อประโยชน์ต่อสมาชิกท่านอื่นๆครับ


เพิ่มเติมโดย Mr.Aui
ถ้าต้องการเอาพาสเวิร์ดที่ตั้งไว้ออกก็ทำตามวิธีเดิมแต่ขั้นตอนนี้ไม่ต้องใส่อะไร
แล้วกด OK ผ่านไปเลยครับ


































วิธ๊เข้าสาย RAN

วิธีเข้าสาย RAN

มีผลครับ ถ้าต่อสายไม่ถูกจะทำให้มันใช้งานได้ไม่เต็มสปีด ของการ์ดแลนครับ ต่อแบบถูกต้องต้องเรียงตามนี้ครับ

ขาวส้ม
ส้ม
ขาวเขียว
น้ำเงิน
ขาวน้ำเงิน
เขียว
ขาวน้ำตาล
น้ำตาล

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

How to take ownership of a file or folder in Windows XP_files

How to take ownership of a file or folder in Windows XP



View products that this article applies to.

This article was previously published under Q308421

On This Page


INTRODUCTION

loadTOCNode(1, 'summary');
This article describes how to take ownership of a file or a folder where you have been denied access.
If you must access a file or a folder that you do not have access to, you must take ownership of that file or folder. When you do this, you replace the security permissions to have access.

MORE INFORMATION

How to take ownership of a folder

Note You must be logged on to the computer with an account that has administrative credentials. If you are running Microsoft Windows XP Home Edition, you must start the computer in safe mode, and then log on with an account that has Administrative rights to have access to the Security tab.If you are using Windows XP Professional, you must disable Simple File Sharing. By default, Windows XP Professional uses Simple File sharing when it is not joined to a domain.For additional information about how to do this, click the following article number to view the article in the Microsoft Knowledge Base:

307874 (http://support.microsoft.com/kb/307874/)

How to disable simplified sharing and set permissions on a shared folder in Windows XP To take ownership of a folder, follow these steps:

1. Right-click the folder that you want to take ownership of, and then click Properties.
2. Click the Security tab, and then click OK on the Security message (if one appears).
3. Click Advanced, and then click the Owner tab.
4. In the Name list, click your user name, or click Administrator if you are logged in as Administrator, or click the Administrators group. If you want to take ownership of the contents of that folder, select the Replace owner on subcontainers and objects check box.
5. Click OK, and then click Yes when you receive the following message:
You do not have permission to read the contents of directory folder name. Do you want to replace the directory permissions with permissions granting you Full Control?All permissions will be replaced if you press Yes.Note folder name is the name of the folder that you want to take ownership of.
6. Click OK, and then reapply the permissions and security settings that you want for the folder and its contents.

Back to the top
How to take ownership of a file
loadTOCNode(2, 'moreinformation');
Note You must be logged on to the computer with an account that has administrative credentials.To take ownership of a file, follow these steps:

1. Right-click the file that you want to take ownership of, and then click Properties.
2. Click the Security tab, and then click OK on the Security message (if one appears).
3. Click Advanced, and then click the Owner tab.
4. In the Name list, click Administrator, or click the Administrators group, and then click OK.The administrator or the Administrators group now owns the file. To change the permissions on the files and folders under this folder, go to step 5.
5. Click Add.
6. In the Enter the object names to select (examples) list, type the user or group account that you want to give access to the file. For example, type Administrator.
7. Click OK.
8. In the Group or user names list, click the account that you want, and then select the check boxes of the permissions that you want to assign that user.
9. When you are finished assigning permissions, click OK.

HM1146861 อยากทราบวิธีการ flash bios ครับ

*****ความคิดเห็นที่ 1*****
ไปหาโหลดไบออสนะครับ ตอนที่ไปที่เว็บที่มีไบออสของเมนบอร์ดที่คุณใช้
จะมีวิธีการแฟลชไบออสอยู่ครับต่างเมนบอร์ดก๋ต่างกันไปแต่คล้าย ๆ กันครับ

*****ความคิดเห็นที่ 2*****
ก่อนอื่นถามตัวเองว่าทำไมจำเป็นไหมที่ต้อง Update Bios มีเหตุผลสมควร หรือไม่ เช่น
ซื้อ hdd 40Gbมาใหม่ แล้วใส่กับเครื่องเก่าเราไม่ได้ คือเห็นไม่เต็มความจุ
หรือ mainbaord detect hdd ไม่เจอ ยังงี้จำเป็นต้อง FLASH BIOS NEW VERION
เพื่อได้ รู้จัก HARD WARE ตัวใหม่ ๆๆ แต่ถ้าไม่ความจำเป็นมีก็ไม่ต้องทำเป็นแฟชั่นเดียว
จะน้ำตาเช็ดหัวเข่า เอา เนื่องเสี่ยงกับเมนบอร์ดเสีย boot ไม่ติดได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำ
ขอแนะนำว่า
1.เวลาทำถ้ามี ups ต่อจะดีมากกันไฟดับ file bios เลือกให้ถูกยี่ห้อทุกร่นถูกเวอร์ชั่น ดีรีดของเมนบอร์ด
2.ทำบนดอสจะชัวส์กว่า แต่ถ้าทำให้ windows ปิดโปรแกรมให้หมด แล้วจัดการแฟลตไบออส
3.ถ้ามีการ backup bios ตัวเก่าไว้ด้วยจะดีมากในบ้างครั้งตัวใหม่ใช้จะดีถูกใจ

บ้างครั้งผมใช้ตัวเวอร์ชั่นใหม่แล้วผมไม่ชอบก็กลับมาใช้ตัวเก่าก็มีวิธีการแฟลตไบออสบนดอสวิธีทำ

1. format แผ่นดิสค์ ด้วยคำสั่ง format a: /s เพื่อให้บูทได้- คลิก start - run - พิมพ์ format a: /s
2.copy ไฟล์ aflash.exe จากแผ่นซีดี ที่แถมมากับเมนบอร์ด ลงในแผ่นดิสค์ที่ฟอร์เมทใว้ตามข้อ 1
3. copy ไฟล์ bios ที่ดาว์โหลดมาลงไปในแผ่นดิสค์ที่ฟอร์เมทใว้ตามข้อที่ 1
4. บูทเครื่องด้วยแผ่นดิสค์ที่ทำใว้ตามข้อ 1
5. เมื่อเข้าสู่ dos prompt ( A:\ ) และก็พิมพ์ตามนี้ aflash xxxxxxx.xxx xx
ก็คือชื่อไฟล์ใบออสที่ดาว์โหลด จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่บอกเอาใว้ในหน้าจอเพิ่มเติมจากคุณโฟโต้ช็อป นิดนึงครับ
คือ Aflash ที่ว่านี้เป็น File ประเภท Utility ที่ใช้ในการ Flash BIOS เมนบอร์ดของค่าย ASUS เขา
ซึ่งถ้าคุณใช้เมนบอร์ดของค่ายอื่นๆ มันก็อาจจะ ชื่ออื่นๆ อยู่ในแผ่น CD คู่ตัวเมนบอร์ดลองหาดู
ส่วนอีก File นึงที่ต้องก็อปใส่แผ่น Startup ก็คือFile BIOS เวอร์ชั่นใหม่ซึ่งคุณต้องไปดาวโหลดมา
ถ้าเป็นของ Award จะลงท้ายด้วย .awd ครับ ****
การ Flash BIOS จงท่องให้ขึ้นใจ โอม......ไฟอย่าดับเพิ่มเติมจากคุณ :
น้าผี (น้าผี Never Die)ขอบคุณ รัตนธร - [29 ก.ค. 2545 07:49:09]
ผมยืมแกมาส่วนหนึ่งเพราะเห็นส่ตอบได้ดี และผมพิมดีดไม่เก่งเพราะจบช่างมาไม่ได้จบพาณิชย์น่ะ
ขอให้ทำสำเร็จถ้าไม่เข้าใจโพสถามใหม่ได้นะครับ ยินดีช่วย ไปอ่านเพิ่มเติมได้ถ้าใช้เมนบอร์ดเอซัสhttp://www.dcomputer.com/proinfo/faq_main/faq07.htm

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีเข้าวินโดว์เอ้กซ์พีโดยอัตโนมัติ - Automatic Logon in Windows XP

วิธีเข้าวินโดว์เอ้กซ์พีโดยอัตโนมัติ - Automatic Logon in Windows XP

เบื่อมั้ย ที่ต้องล็อคอินใส่พาสเวิดทุกครั้งที่เปิดเครื่อง


รำคาญมั้ย ทั้งที่เราอยู่แค่คนเดียวทำไมต้องคอยเลือกว่าจะใช้ account ไหน


ไม่ต้องใส่ username หรือ password ให้เมื่อยตุ้มอีกต่อไป!



***วิธีแก้ปัญหา***

ทำตามภาพได้เลยครับ













วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

HijackThis , Pocket KillBox

การใช้โปรแกรม HijackThis และ Pocket KillBox

เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราอาจถูกโจมตีจากโปรแกรมประเภทต่าง ๆ
เช่น โปรแกรมจารชน (Spyware) , โปรแกรมโฆษณา (Adware) ฯลฯ
ทำให้ระบบเกิดอาการผิดปกติขึ้นมาได้ ซึ่งการแก้ไขต้องปรึกษาผู้ชำนาญการ
และผู้ชำนาญการอาจจะแนะนำให้ตรวจและซ่อมแซมระบบ
โดยใช้โปรแกรมที่ชื่อ HijackThis
ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมที่ชื่อ HijackThis มา
โดยคลิกขวาที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ แล้วเลือกเมนู Save Target As...
หรือดาวน์โหลดโดยใช้ Download Manager
หรือดาวน์โหลดจากที่ที่ผู้ชำนาญการแนะนำ ซึ่งอาจเป็นรุ่นใหม่กว่า
ไฟล์ที่ได้มาเป็นไฟล์ที่ถูกบีบอัด (zip) ไว้
ให้สร้างโฟลเดอร์ ชื่อ hjt ไว้ในไดรว์ C: แล้วคลาย (unzip)
ไฟล์ hijackthis_199.zip ออกมา
จะได้ไฟล์ที่ชื่อ HijackThis.exe ออกมา ซึ่งเป็นไฟล์โปรแกรม
HijackThis เอาไฟล์ HijackThis.exe
ไปไว้ที่โฟลด์เดอร์ที่ชื่อ hjt ที่อยู่ในไดรว์ C: นั้น
จากนั้นก็รันโปรแกรม HijackThis
โดยการดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ที่ชื่อ HijackThis.exe นั้น
ก็จะมีข้อความออกมาเตือนดังภาพนี้

ให้คลิกที่ปุ่ม OK
ก็จะเข้าสู่หน้าต่างโปรแกรมดังภาพนี้

ให้คลิกที่ปุ่มที่มีข้อความว่า Do a system scan and save a logfile
(ทำการตรวจดูระบบ และบันทึกผลการตรวจไว้เป็นแฟ้ม)
โปรแกรมก็จะทำการตรวจระบบ มีรายการต่าง ๆ ปรากฏดังตัวอย่างเช่นภาพนี้

เสร็จแล้วก็จะมีการบันทึกผลไว้ในแฟ้มที่ชื่อว่า hijackthis.log อยู่ใน C:\hjt นั้นเอง
พร้อมกันนั้นโปรแกรม HijackThis ก็จะทำการเปิดแฟ้ม hijackthis.log นั้น
โดยใช้โปรแกรม notepad ใน Windows สำหรับโปรแกรม HijackThis นั้น
ถ้าท่านไม่ใช่ผู้ชำนาญการ โปรดอย่าพยายามไปซ่อมระบบเองเป็นอันขาดอย่าเพิ่งไปสั่ง fix รายการใด ๆ
อนนี้ต้องปิดโปรแกรมไปก่อนโดยไม่ต้องไปทำอะไรอีกทั้งสิ้น โดยคลิกที่ปุ่มกากบาทที่มุมบนขวา
ต้องให้ผู้ชำนาญการดูสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบ จากรายงานผลการตรวจระบบนั้นก่อน ผู้ชำนาญการก็จะนำข้อมูล
ไปวิเคราะห์ แล้วก็จะมาบอกว่าให้ทำอะไรบ้าง จะต้อง fix รายการไหน จะต้องไปดาวน์โหลดอะไร
มาทำอย่างไรอีก ก็ต้องทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด อย่าได้ทำผิดแปลกออกไปเป็นอันขาด
ไม่เข้าใจก็ถามผู้ชำนาญการ มิฉะนั้นระบบจะยิ่งเพี้ยนหนักเข้าไปอีก


การส่งผลการตรวจระบบไปให้ผู้ชำนาญการวิเคราะห์

กรณีที่ท่านขอคำแนะนำจากผู้ชำนาญการผ่านทางกระทู้ในเว็บบอร์ด เมื่อได้เปิดแฟ้ม hijackthis.log
โดยใช้โปรแกรม notepad ใน Windows แล้ว ให้ก็อปปี้ข้อความทั้งหมดในแฟ้ม
hijackthis.log นั้นมาโดยคลิกเมนู
Edit
Select All

จะมีแถบสีระบายข้อความทั้งหมดไว้
แล้วก็คลิกเมนู
Edit
Copy
แล้วนำไปวางลงในกระทู้
โดยคลิกลงในกรอบที่จะใส่ข้อความคิดเห็นในกระทู้
แล้วคลิกเมนู
Edit
Paste
เมื่อข้อความถูกนำมาวางไว้แล้วจึงคลิกปุ่มส่งข้อความเข้าไปในกระทู้แล้วก็ปิดโปรแกรม Notepad
ไปเสีย ถ้าเผลอไปปิดเสียก่อนที่จะคัดลอกข้อความมา หรือตอนนั้นยังไม่ได้ต่ออินเตอร์เน็ต
ภายหลังเมื่อพร้อมที่จะส่งข้อความแล้ว ก็ไปเปิดแฟ้มที่ชื่อ hijackthis.log ที่อยู่ใน C:\hjt นั้นขึ้นมา
โดยเปิดโปรแกรม Notepad แล้วคลิกเมนู File > Open... แล้วไปที่ C:\hjt
ซึ่งตอนนี้จะยังไม่เห็นไฟล์ใด ๆ เพราะ Notepad จะมองเฉพาะไฟล์ .txt ก่อน
ให้คลิกเลือก Files of Type เป็น All Files จึงจะเห็นไฟล์ ซึ่งมีไฟล์โปรแกรม HijackThis กับ
ไฟล์ที่โปรแกรมบันทึกผลการตรวจระบบไว้ ซึ่งจะมีไอคอนเป็นรูปสมุดบันทึก
ก็ให้คลิกที่ไฟล์บันทึกผลการตรวจระบบนั้น ถ้าไม่แน่ใจเพราะชื่อไฟล์คล้ายกัน
ก็คลิกเข้าไปในช่อง File name : คลิกท้ายขื่อ หรือกดปุ่ม End เพื่อไปยังท้ายข้อความที่เป็นชื่อไฟล์
แล้วพิมพ์นามสกุลไฟล์ต่อท้ายไปว่า .log


แล้วคลิกปุ่ม Open

แล้วก็คัดลอกข้อความทั้งหมดมาวางลงในกระทู้ แล้วส่งไป

กรณีที่ท่านขอคำแนะนำจากผู้ชำนาญการผ่านทางระบบจดหมายอิเล็กทรอนิคส์ (E-mail)
ท่านสามารถนำแฟ้ม hijackthis.log นั้นมาแนบไปกับจดหมายอิเล็กทรอนิคส์
เป็น Attachment ส่งไปให้ผู้ชำนาญการได้ทันที


กรณีที่ท่านใช้บริการการวิเคราะห์ HijackThis Log File จาก Web site ที่ให้บริการ

ท่านสามารถนำ HijackThis Log File นั้นไปขอใช้บริการการวิเคราะห์ ได้ที่ Web site ที่ให้บริการ

เช่น http://hijackthis.de/en

โดยนำข้อความทั้งหมดในแฟ้ม hijackthis.log นั้น
ไปวางลงในกรอบ textbox ในหน้า Web page ดังกล่าว

หรือส่งไฟล์ไปโดยคลิกที่ปุ่ม Browse ที่อยู่ข้างขวา

ของช่องใส่ชื่อไฟล์ ที่อยู่ใต้กรอบ textbox เมื่อทำอย่างใดอย่างหนึ่ง

(คือวางข้อความ หรือใส่ไฟล์) แล้วก็ให้คลิกที่ปุ่ม Analyse ที่อยู่ข้างใต้ เพื่อส่งข้อมูลไปวิเคราะห์

รอสักพักหนึ่งจะได้ผลการวิเคราะห์กลับมา

ท่านสามารถ save ผลการวิเคราะห์นี้เก็บไว้ใน hard disk ได้

โดยคลิกขวาที่ link ที่มีข้อความว่า Save analysis แล้วคลิกเมนู Save Target As...

(กรณีที่ใช้ Internet Exlporer) (หรือเมนู Save Link As... กรณีที่ใช้ Mozilla)

แล้วเลือก folder ที่จะเก็บไฟล์ที่จะบันทึก และอาจตั้งชื่อไฟล์เสียใหม่ให้สื่อความหมายได้ดีขึ้น

รายการที่มีชนิด (Kind) เป็น Nasty เป็นรายการที่เป็นปัญหา

ชนิด Unnecessarily เป็นรายการที่ไม่จำเป็น สองชนิดดังกล่าว

อาจจะต้อง fix แต่ท่านต้องพิจารณาให้ถูกต้องตามความเป็นจริงในระบบของท่านเสียก่อน

ส่วนชนิด Safe เป็นรายการที่ปลอดภัย , Unknown เป็นรายการที่ไม่ทราบแน่ชัด

ชนิด Possibly nasty เป็นรายการที่อาจจะเป็นปัญหา ต้องพิจารณาอีกที

ให้ท่านดูผลการวิเคราะห์ดัวยความระมัดระวังก่อนที่จะทำการ fix รายการใด

เพราะบางรายการมันอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อระบบของท่าน แต่โปรแกรมวิเคราะห์เขาไม่ทราบแน่ชัด

ก็อาจรายงานมาว่ามันอาจเป็นตัวปัญหาก็ได้ ถ้าท่านไม่แน่ใจ

โปรดปรึกษาผู้ชำนาญการเสียก่อนที่จะตัดสินใจ fix รายการใด


การ Fix

ทีนี้สมมุติว่าผู้ชำนาญการได้วิเคราะห์แล้ว และให้คำแนะนำมาว่า

ให้ใช้โปรแกรม HijackThis ทำการ fix รายการต่อไปนี้

O2 - BHO: (no name) - {A5366673-E8CA-11D3-9CD9-0090271D075B} -

(no file) O23 - Service: SquidNT - Unknown owner -

c:\squid\sbin\squid.exe (file missing) รวม 2 รายการ เราก็ต้องมาดำเนินการดังต่อไปนี้

ปิดโปรแกรมใช้งานต่าง ๆ บนวินโดวส์เสียทั้งหมด แล้วรันโปรแกรม HijackThis ขึ้นมา

แล้วคลิกปุ่มที่มีข้อความว่า Do a system scan only

เมื่อโปรแกรมทำการ scan เสร็จแล้ว ก็หาดูรายการที่ผู้ชำนาญการบอกให้ fix นั้น

กาเครื่องหมายถูกในช่องสี่เหลี่ยมหน้ารายการที่ให้ fix เท่านั้น อย่าการายการอื่น

โดยต้องดูให้ละเอียดรอบคอบ อย่าดูแต่หมายเลขข้างหน้า เพราะอาจมีรายการอื่นที่มีหมายเลขเดียวกัน

ต้องดูข้อความทั้งหมด ควร Maximize หน้าต่างโปรแกรม เพื่อให้เห็นข้อความในทัศนวิสัยที่กว้างที่สุด

เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Fix checked
จากนั้นรอให้โปรแกรมดำเนินการ fix จนเสร็จ แล้วเราก็ปิดโปรแกรม HijackThis ไปได้เลย

นอกจากนั้นผู้ชำนาญการยังอาจแนะนำกระบวนการแก้ปัญหาขั้นตอนอื่น ๆ มา

ให้ดำเนินการอีก ก็ให้ดำเนินการขั้นตอนอื่น ๆ ที่ผู้ชำนาญการแนะนำนั้นต่อไป

การใช้โปรแกรม Pocket KillBox ลบแฟ้มที่ไม่ยอมให้เราลบ

บางครั้ง คอมพิวเตอร์ที่ถูกโจมตีอาจถูกติดตั้งแฟ้มที่ไม่ยอมให้เราลบ

ผู้ชำนาญการจะแนะนำให้ใช้โปรแกรม Pocket KillBox ลบแฟ้มนั้นออกไป

กรณีที่ผู้ชำนาญการให้รายชื่อไฟล์ที่ต้องลบทิ้งด้วยโปรแกรม Pocket KillBox มา

ให้เราทางเว็บบอร์ดที่เราตั้งกระทู้ขอคำแนะนำ ให้ก็อปปี้รายชื่อไฟล์เหล่านั้นมาลงใน Notepad

แล้วบันทึกไว้ในฮาร์ดดิสก์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเสียก่อน

เพราะในตอนที่จะดำเนินการลบไฟล์ อาจต้องมีการปิดโปรแกรมใช้งานต่าง ๆ

และรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะต้องตัดการติดต่อทางอินเทอร์เน็ต

กรณีที่ผู้ชำนาญการให้รายชื่อไฟล์ที่ต้องลบทิ้งด้วยโปรแกรม Pocket KillBox มา

ให้เราทางระบบจดหมายอิเล็กทรอนิคส์ (E-mail) ถ้ารายชื่อไฟล์อยู่ในเนื้อจดหมาย

ก็ให้คัดลอกมาลงใน Notepad แล้วบันทึกเป็นไฟล์ข้อความไว้

ถ้ารายชื่อไฟล์เป็นแฟ้มข้อความที่แนบมา (Attachment) กับจดหมายอิเล็กทรอนิคส์

ก็ให้บันทึก Attachment นั้นออกมาไว้ต่างหากจากตัวจดหมาย เพื่อให้ใช้ Notepad เปิดได้

ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมที่ชื่อ Pocket KillBox มาโดยคลิกที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ http://www.majorgeeks.com/downloadget.php?id=4709&file=9&evp=10342ee8e76b55b9513bd3c55dea7583

หรือดาวน์โหลดจากที่ที่ผู้ชำนาญการแนะนำ ซึ่งอาจเป็นรุ่นใหม่กว่า

คำอธิบายเกี่ยวกับไฟล์นี้ : Pocket KillBox เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการขจัดไฟล์ที่ดื้อด้าน

ไม่ยอมให้เราลบมันได้ ไฟล์ที่ได้มาเป็นไฟล์ที่ถูกบีบอัด (zip) ไว้

ให้คลาย (unzip) ไฟล์ killbox.zip ออกมา จะได้ไฟล์ที่ชื่อ KillBox.exe ออกมา

ซึ่งเป็นไฟล์โปรแกรม Pocket KillBox จากนั้นก็รันโปรแกรม Pocket KillBox

โดยการดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ที่ชื่อ KillBox.exe นั้น จะปรากฏหน้าต่างโปรแกรม

ถ้าผู้ชำนาญการแนะนำให้ใช้วิธีการลบแบบ Delete on Reboot

ให้คลิกเลือกตัวเลือก Delete on Reboot ดังในภาพข้างล่างนี้

แต่ถ้าผู้ชำนาญการแนะนำเป็นอย่างอื่น ก็ให้ทำตามคำแนะนำนั้น

ใช้ Notepad เปิดไฟล์ที่บันทึกรายชื่อไฟล์ที่ต้องลบทิ้ง ขึ้นมา ก็อปปี้ชื่อไฟล์ทุกไฟล์

ตามที่ผู้ชำนาญการระบุให้ลบด้วยโปรแกรม Pocket KillBox ขึ้นไว้ในคลิปบอร์ด

โดยการใช้เม้าส์ลากระบายแถบสีให้ครอบคลุมชื่อไฟล์ทุกรายการ

แล้วกดปุ่ม Ctrl-C หรือคลิกเมนู Edit Copy ไปที่หน้าต่างโปรแกรม Pocket KillBox

คลิกเมนู File Paste from Clipboard

รายชื่อไฟล์เหล่านั้นจะลงไปอยู่ในช่อง Full Path of File to Delete และ

ที่ Title bar จะปรากฏจำนวน file แสดงให้เห็น file ที่จะให้ลบ

จะต้องมีอยู่จริงในระบบของเรา KillBox จึงจะรับเข้ามา

ถ้ารายการใดไม่มีอยู่จริงก็จะไม่ปรากฏใน KillBox


คลิกปุ่ม Delete (กากบาทขาวในวงกลมแดง)
จะมีกรอบสนทนาขึ้นมาถามว่า จะเริ่มต้นเดินเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่
อีกครั้งเดี๋ยวนี้หรือไม่? (Do you want to restart your computer now?) ให้คลิกปุ่ม No

เสร็จแล้ว สังเกตดูจำนวนไฟล์ที่ Title bar ของหน้าต่างโปรแกรม
และรายการไฟล์ที่อยู่ในช่อง Full Path of File to Delete

ถ้ายังมีไฟล์ที่ต้องการลบอยู่ใน KillBox อีก ก็คลิกปุ่ม Delete อีก
จะมีกรอบสนทนาขึ้นมาถามอีกว่า จะเริ่มต้นเดินเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่อีกครั้งเดี๋ยวนี้หรือไม่?
(Do you want to restart your computer now?) ให้คลิกปุ่ม No


วนไปอย่างนี้ทีละไฟล์จนครบทุกไฟล์ โดยสังเกตที่ Title bar ของหน้าต่างโปรแกรม
ถ้าไม่มีไฟล์อีกแล้ว จำนวนไฟล์จะเป็น 0 และในช่อง Full Path of File to Delete จะ
ไม่ปรากฏรายการไฟล์ จึงคลิกปุ่ม Exit เพื่อปิดโปรแกรม


หากใช้วิธีการลบแบบ Delete on Reboot การดำเนินการของโปรแกรม Pocket KillBox
ในการลบไฟล์ตามที่เรากำหนดไว้ จะกระทำในตอนที่มีการบู๊ตเครื่องคอมพิวเตอร์ในครั้งต่อไป